เมนู

ลามกของชนแม้ทั้งสองนั้นนั่นเอง (เป็นเหตุ), เพราะฉะนั้น พระผู้มี-
พระภาคเจ้าจึงตรัสว่า " นิหีนกมฺมา มนุชา ปรตฺถ. "
ก็บทว่า ปรตฺถ สัมพันธ์เข้ากับบทว่า ' เปจฺจ ' ข้างหน้า. อธิบาย
ว่า ชนผู้มีกรรมเลวทรามเหล่านั้น ละไปในโลกอื่น คือไปจากโลกนี้
ย่อมเป็นผู้เสมอกันในปรโลก.
ในเวลาจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดา-
ปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.

พวกฆ่านางสุนทรีถูกประหารชีวิต


พระราชา ทรงส่งราชบุรุษไปด้วยรับสั่งว่า " พวกเธอจงรู้ความที่
คนอื่นฆ่านางสุนทรี. " ครั้งนั้น นักเลงเหล่านั้นดื่มสุราอยู่ด้วยกหาปณะ
เหล่านั้น ทำการทะเลาะกันและกัน. คนหนึ่งกล่าวกะคนหนึ่งว่า " แก
ฆ่านางสุนทรีด้วยประหารเพียงทีเดียวแล้ว หมกไว้ในระหว่างกองหยาก-
เยื่อแห่งระเบียบดอกไม้ ดื่มสุราด้วยกหาปณะที่ได้มาจากการประหารนั้น,
เรื่องนั้นยกเลิกเสียเถิด." พวกราชบุรุษจึงจับนักเลงนั้นไปแสดงแด่พระ-
ราชา. ลำดับนั้น พระราชา ตรัสถามนักเลงเหล่านั้นว่า " พวกเธอฆ่า
นางสุนทรีหรือ ? "
พวกนักเลง. ข้าแต่สมมติเทพ พระเจ้าข้า.
พระราชา. ใครใช้พวกเธอให้ฆ่า ?
พวกนักเลง. พวกอัญญเดียรถีย์ พระเจ้าข้า.
พระราชา รับสั่งให้เรียกพวกเดียรถีย์มาแล้ว ทรงบังคับว่า " พวก
เธอจงไปเที่ยวกล่าวทั่วพระนครอย่างนี้ว่า ' นางสุนทรีนี้ ถูกพวกข้าพเจ้า

ผู้ใคร่ยกโทษแก่พระสมณโคดมขึ้น ฆ่าแล้ว; โทษของพระสาวกของ
พระสมณโคดมไม่มี, เป็นโทษของข้าพเจ้าฝ่ายเดียว." พวกเดียรถีย์ได้ทำ
อย่างนั้น. มหาชนผู้เขลาเชื่อแล้วในคราวนั้น. พวกเดียรถีย์ก็ดี พวก
นักเลงก็ดี ถึงอาชญาเพราะการฆ่าคน. จำเดิมแต่นั้นมา สักการะได้มี
มากแก่พระพุทธเจ้าและพระสาวกทั้งหลาย (ตามเคย) ดังนี้แล.
เรื่องนางปริพาชิกาชื่อสุนทรี จบ.

2. เรื่องสัตว์ผู้ถูกทุกข์เบียดเบียน [224]



ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภสัตว์ทั้งหลาย
ผู้อันอานุภาพแห่งผลทุจริตเบียดเบียน ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า
" กาสาวกณฺฐา " เป็นต้น.

พระมหาโมคคัลลานะเห็นเปรตมีแต่ร่างกระดูก


ความพิสดารว่า ท่านพระมหาโมคคัลลานะลงจากภูเขาคิชฌกูฏ
พร้อมกับพระลักขณเถระ เห็นอัตภาพของเหล่าเนรยิกสัตว์มีเปรตผู้มีแต่
ร่างกระดูกเป็นต้น จึงทำการยิ้มแย้ม ถูกพระลักขณเถระถามถึงเหตุที่ทำ
การยิ้มแย้ม ก็กล่าวว่า " ผู้มีอายุ (กาลนี้ ) มิใช่กาลแห่งปัญหานี้, ท่าน
พึงถามผมในสำนักพระตถาคต " อันพระเถระถามในสำนักพระตถาคต
แล้ว บอกความที่ตนเห็นเนรยิกสัตว์มีเปรตผู้มีแต่ร่างกระดูกเป็นต้นแล้ว
จึงบอกกะสหธรรมิก 5 เหล่า ผู้เร่าร้อนอยู่กับด้วยสมณบริขารมีบาตรจีวร
และประคดเป็นต้น โดยนัยว่า " ผู้มีอายุ ผมลงจากภูเขาคิชฌกูฏ ได้
เห็นภิกษุในพุทธศาสนานี้ไปสู่อากาศ, แม้กายของภิกษุนั้นก็เร่าร้อน."

ผู้มีกรรมลามกย่อมเข้าถึงนรก


พระศาสดาตรัสบอกความที่สัตว์เหล่านั้นบวชในศาสนาพระกัสสป-
ทศพลแล้ว ไม่สามารถทำให้สมควรแก่บรรพชา เป็นผู้ลามก เมื่อจะทรง
แสดงผลแห่งทุจริตกรรมของภิกษุผู้ลามกทั้งหลาย ซึ่งนั่งอยู่แล้ว ณ ที่นั้น
ในขณะนั้น จึงตรัสพระคาถานี้ว่า:-
2. ภาสาวกณฺฐา พหโว ปาปธมฺมา อสญฺญตา
ปาปา ปาเปหิ กมฺเมหิ นิรยนฺเต อุปปชฺชเร.